จุดนัดพบคณะเดินทาง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เวย์ (TG) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยจัดเตรียมเอกสารการเดินทางสำหรับทุกท่านและนำท่านโหลดสัมภาระ

นำท่านออกเดินทางสู่ กรุงฮานอย (ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยเที่ยวบินที่ (TG 560 BKK-HAN 07:45-09:35) ** มีอาหารบนเครื่อง , สัมภาระโหลดใต้เครื่องไม่เกิน 23 ก.ก./ ท่าน/ 1ใบ และสำภาระถือขึ้นเครื่อง ไม่เกิน 7ก.ก.**

เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย กรุงฮานอย หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้วนำคณะออกเดินทางสู่เมืองซาปา(ใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง ในระหว่างทางพักทานข้าวที่ลาวไก)

รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 1)

พรมแดนประเทศจีน ผ่านด่านพรมแดนลาวไก-เหอโข่ว (Hekou) ที่เชื่อมต่อกับมณฑลยูนนานของจีน เป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญของเวียดนาม ลาวไกมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน จึงทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นตลอดปี หลังจากพักรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วนำคณะออกเดินทางสู่เมืองซาปา
จากนั้นนำทานชม โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา (The Ancient Stone Church) หรือที่รู้จักในชื่อ "โบสถ์แม่พระแห่งโรซารี" (Holy Rosary Church) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองซาปา ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ด้านหน้าจัตุรัสหลัก ใกล้ตลาดกลางคืนซาปา ตัวโบสถ์สร้างขึ้นในช่วงยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ราวปี ค.ศ. 1895 จึงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคตะวันตกที่โดดเด่นและงดงาม ตัวโบสถ์สร้างจากหินแกรนิตสีเทาทั้งหลัง มีหอระฆังสูงสง่า หน้าต่างประดับกระจกสี และหลังคาโค้งตามแบบฉบับของโบสถ์ยุโรป แม้จะมีอายุกว่า 100 ปี แต่โบสถ์ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ยามเช้าและช่วงเย็นส่วนมากจะพบสายหมอกที่ล่องลอยเหนือขุนเขามาปกคลุม เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์แก่สถานที่มีความสงบสุข จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนทางจิตใจหรือเดินเล่นชมเมือง

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง (มื้อที่ 2)

นำท่านเดินชม ตลาดไนท์บาร์ซ่าเมืองซาปา (Sapa Night Market) ตลาดกลางคืนยอดนิยมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์หินและจัตุรัสกลางเมืองซาปา เปิดทุกคืนโดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ ตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะจากชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น ม้ง เย้า และไต ที่นำสินค้าพื้นเมืองมาวางจำหน่าย สินค้ายอดนิยม ได้แก่ ผ้าทอมือ เสื้อผ้าปักลาย เครื่องประดับพื้นเมือง ของฝาก และของที่ระลึก รวมถึงอาหารพื้นเมืองเวียดนามและอาหารชนเผ่าที่หาทานได้เฉพาะแถบภูเขา เช่น หมูย่างเสียบไม้ ไข่นกกระทา หม้อไฟซาปา และชาอุ่น ๆ นอกจากนี้ยังมีรวมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน เพิ่มบรรยากาศท้องถิ่นในยามค่ำคืน

โรงแรม Azure hotel หรือเทียบระดับ หรือเทียบระดับ 3-4 ดาว

รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม ( มื้อที่ 3 )

นำท่านคณะเดินทางสู่ ยอดเขาฟานซีปัน (Fansipan) โดยนั่งรถไฟฟ้ามู่งโฮ และ ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า Cable Car เริ่มจากการนั่งรถไฟามู่งโฮที่สถานี Sapa Station Sun Plaza ใจกลางเมืองซาปา นำท่านสัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟฟ้ามู่งโฮ(Mường Hoa) รถไฟสายสั้น วิ่งผ่านหุบเขาและธรรมชาติอันสวยงามไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้า(Cable Car) ที่มีความยาวกว่า 6 กิโลเมตร ผ่านภูเขาสูงและป่าหมอกเบื้องล่าง (ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) จนถึง สถานีปลายทางกระเช้าลอยฟ้า ท่านจะได้สัมผัสกับ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และจิตวิญญาณ ผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่งดงาม เช่น “ประตูสวรรค์” (Heaven’s Gate) ซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเส้นทางสู่ยอดเขา สร้างขึ้นในสไตล์วัดพุทธแบบเวียดนามโบราณ เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่สื่อถึงการเดินทางจากโลกีย์สู่โลกธรรม นอกจากนี้ยังมีวัดที่ตัดอยู่ ณ ที่แห่งนี้คือ วัดหินฟานซีปัน (Fansipan Stone Pagoda) วัดพุทธศิลป์ที่ตั้งอยู่กลางขุนเขา มีศาลเจ้า และพระพุทธรูปภายในให้ท่ารได้สักการะขอพรเสริมสิริมงคล และด้านมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ประดิษฐานด้านหน้าให้ท่านได้สักกการะอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณลานด้านหน้าท่านจะพบกับ ระฆังทองฟานซีปัน (Golden Bell of Fansipan) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งศรัทธาบเสียงแห่งธรรมะ ท่านสามารถตีระฆังเพื่ออธิษฐานจิต ตามความเชื่อเสียงระฆังที่กังวานก้องท่ามกลางความเงียบสงบของภูเขา เปรียบได้กับเสียงแห่งความสงบและความหวังที่ก้องกังวาน ระห่างทางขึ้นสู่จุดยอดเขาฟานซีปัน ท่านสามารถกราบขอพร พระอมิตาภะพุทธเจ้า (Amitabha Buddha of Fansipan) พระพุทธรูปปางสมาธิโลหะขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอย่างสง่างามบนลานกว้างใกล้ยอดเขาฟานซีปัน ถือเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในเวียดนาม ด้วยความสูงกว่า 20 เมตร

ท่านสามารถเลือกเส้นทางขึ้นสู่ จุดสูงสุดของยอดเขาฟานซีปัน ได้ 2 แบบดังนี้
1. เดินขึ้นบันไดหินกว่า 600 ขั้น เส้นทางนี้เป็นการเดินขึ้นอย่างสงบผ่านธรรมชาติ วัด ศาลา และจุดชมวิวสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบใกล้ชิด พร้อมซึมซับความศักดิ์สิทธิ์และความเงียบสงบของยอดเขา
2. นั่งรถไฟฟ้าขนาดเล็ก (Mountain Funicular) ท่านสามารถเลือกนั่ง รถไฟฟ้าขนาดเล็ก (Mountain Funicular) ที่วิ่งขึ้นสู่ยอดภายในเวลาเพียง 3–5 นาที (ไม่รวมค่าบัตรรถไฟฟ้า มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 500 บาท/ท่าน ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดตเพิ่มเติมอีกครั้ง)

อิสระ ชมวิวยอดเขาสูงที่สุดในอินโดจีน 360 องศา จากนั้นเดินทางกลับเส้นทางเดิม

สิ่งที่ควรมีตัวสำหรับขึ้นยอดเขาฟานซีปัน (Fansipan)
• เสื้อกันหนาวหรือแจ็คเก็ต: อุณหภูมิด้านบนต่ำกว่าด้านล่างมาก โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น
• รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสำหรับเดินเขา: เส้นทางมีบันไดหินและลาดชันในบางจุด
• หมวก / แว่นกันแดด / ครีมกันแดด: แม้จะมีหมอก แต่รังสียูวียังแรง
• น้ำดื่ม / ขนมเล็ก ๆ: เพื่อเติมพลังระหว่างการเดินขึ้น
• กล้องถ่ายรูป / Power bank: วิวบนยอดเขาสวยงามมาก ไม่ควรพลาด

หมายเหตุ : ในกรณีกระเช้าฟานซีปันปิดปรังปรุงในช่วงที่เดินทาง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ปรับเปลี่ยนรายการท่องเที่ยวตามความเหมาะสม

รับประทานอาหารกลางวัน VAN SAM BUFFET (มื้อที่ 4)

นำท่านเดินทางเข้าสู่ Moana Sapa Cafe คาเฟ่สุดชิคกลางธรรมชาติ คาเฟ่ออกแบบในสไตล์ "Bali mini" ผสมผสานกับธรรมชาติของซาปา มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 10,000 ตารางเมตร ตกแต่งด้วยดอกไม้และมุมถ่ายรูปสวยงามหลายจุด เช่น ประตูสวรรค์สไตล์บาหลี, รูปปั้น Moana, ชิงช้า, เปียโนกลางน้ำ และโซนนั่งบนต้นไม้
จุดถ่ายรูปยอดนิยม Moana Sapa Cafe
• ประตูสวรรค์สไตล์บาหลี: เป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
• รูปปั้น Moana: รูปปั้นผู้หญิงหลับตาและแบมือออก
• ชิงช้าและเปียโนกลางน้ำ: มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติก
• โซนนั่งบนต้นไม้: มองเห็นวิวภูเขาและรถรางอันสวยงาม
นำท่านชม หมู่บ้านชาวเขากั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) หมู่บ้านชาวม้งกลางหุบเขาแห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติ หมู่บ้านเก่าแก่ของชาวเขาเผ่าม้งดำที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างชัดเจน ในช่วงฤดูการเกษตรจะพบนาขั้นบันไดเขียวชอุ่ม เส้นทางเดินเลียบลำธาร และน้ำตกกลางหมู่บ้านที่สวยงามราวภาพวาด รวมถึงชมงานหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น การทอผ้า ย้อมคราม และแกะสลักไม้ นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายภาพสุดฮิต เช่น สะพานไม้กลางน้ำลำธาร เครื่องเล่นชิงช้าชาวเขา และการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง (มื้อที่ 5)

โรงแรม Azure hotel หรือเทียบระดับ หรือเทียบระดับ 3-4 ดาว

รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ฮานอย เดินกลับกรุงฮานอย (ใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง) โดยระหว่างทางให้ท่านให้แวะเลือกซื้อของฝาก ช้อปปิ้งสินค้าร้านผ้าไหม

รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7)

เยี่ยมชม วัดเฉินก๊วก (Trấn Quốc Pagoda) ถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ กลาง ทะเลสาบตะวันตก (West Lake) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงเวียดนาม ด้านความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย จักรพรรดิ Lý Nam Đế ในราวศตวรรษที่ 6 และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในยุคแรกเริ่มของเวียดนาม ภายหลังได้รับการบูรณะและย้ายมาตั้งที่เกาะแห่งนี้ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “Trấn Quốc” ซึ่งแปลว่า “พิทักษ์ชาติ”
ไฮไลท์ของวัด
•จุดที่ 1 เจดีย์สูง 11 ชั้น สีแดงสด เป็นสัญลักษณ์เด่นของวัด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1998 ภายในแต่ละชั้นประดิษฐาน พระพุทธรูปสีขาวปางสมาธิ ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปะของพุทธมหายาน
•จุดที่2 ต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับจากประเทศอินเดีย เป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
•จุดที่3 พระอุโบสถ วิหาร และหอระฆัง ที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมจีนผสมเวียดนาม สะท้อนความศรัทธาอย่างลึกซึ้งของชาวเวียดนามต่อพระพุทธศาสนา
•จุดที่ 4 วิวทะเลสาบรอบ ๆ วัดให้บรรยากาศสงบและร่มรื่น เหมาะแก่การถ่ายภาพและพักผ่อนจิตใจ

ข้อควรปฏิบัติสำหรับเข้่าชมวัดเฉินก๊วก
1.ควรแต่งกายสุภาพ
2.หลีกเลี่ยงเสียงดังภายในวัด
3.เคารพสถานที่และผู้ที่มาสักการะ

หากมีเวลาท่านสามารถเดินเล่นริมทะเลสาบ แวะจิบกาแฟท้องถิ่น หรือเดินทางต่อไปยังจุดชมวิวใกล้เคียง เช่น ถนน Thanh Niên หรือ เจดีย์เฉินเถียน

นำท่านเดินทางชม จัตุรัสบาดิงห์ (Ba Dinh Square) สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเวียดนาม เป็นจุดที่ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ อ่านคำประกาศอิสรภาพเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 เพื่อก่อตั้งประเทศเวียดนามประชาธิปไตยลานจัตุรัสกว้างใหญ่ล้อมรอบด้วยอาคารราชการ มีธงชาติเวียดนามโบกสะบัดกลางท้องฟ้า เป็นจุดศูนย์กลางแห่งความภาคภูมิใจของชาวเวียดนาม ชม สุสานโฮจิมินห์ (ชมด้านนอก) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าจัตุรัส เป็นอาคารหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ใช้เก็บรักษาร่างของ ท่านโฮจิมินห์ ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไว้ภายใน
นำท่านชม ถนน 36 สาย (36 Old Streets) ย่านเมืองเก่าที่มีชีวิตชีวาที่สุดของกรุงฮานอย แต่ละสายถนนมีชื่อเรียกตามสินค้าที่เคยขาย เช่น ถนนกระดาษ ถนนทองเหลือง ถนนไหม ย่านนี้ยังคงเต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ งานหัตถกรรมท้องถิ่น และอาคารเก่าในสไตล์ฝรั่งเศส–เวียดนาม จากนั้นอิรให้ท่านเดินชมวิถีชีวิต ชิมอาหารเวียดนามดั้งเดิม และเลือกของฝากพื้นเมือง
นำท่านชม ทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) ตำนานแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์และใจกลางเมืองฮานอย ทะเลสาบคืนดาบ หรือ "โฮหว่านเกี๊ยม" เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของชาวฮานอย โดดเด่นด้วย ตำนานดาบวิเศษที่กษัตริย์เลเลอไถ่ใช้ต่อสู้ขับไล่ศัตรู แล้วคืนดาบให้พญาเต่าในทะเลสาบแห่งนี้ หอคอยเต่าศักดิ์สิทธิ์ (Tháp Rùa) ตั้งตระหง่านกลางน้ำ และสะพานสีแดงสด "สะพานเทฮุก" ที่ทอดเข้าสู่ วิหารหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple) บนเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบ (ไม่รวมค่าเข้าชมภายในเกาะ)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง (มื้อที่ 8)

โรงแรม Western hotel หรือเทียบระดับ 4 ดาว

รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม ( มื้อที่ 9 )

นำท่านเดินทางสู่ เมืองตามด๋าว Tam Dao ตั้งอยู่ในจังหวัดวินห์ฟุก ห่างจาก ฮานอยไปประมาณ 80 กิโลเมตรถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสำหรับผู้ที่ต้องการหลบหนีจากความร้อนระอุของเมืองหลวงและมองหาบรรยากาศที่เงียบสงบ สดชื่น เย็นสบาย พร้อมกับอากาศอบอุ่น และทิวทัศน์อันสวยงาม มีหมอก และโรแมนติก เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ตั้งอยู่บนระดับความสูงเหนือน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองดาลัตทางตอนเหนือ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
แวะชิมกาแฟ ที่ร้านกาแฟ Gio (รวมเครื่องดื่ม 1 อย่าง)
นำท่านเดินชม โบสถ์หิน (Tam Dao Stone Church) โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสี่โบสถ์หินที่มีชื่อเสียงที่สุดในเวียดนาม ตั้งอยู่บนเนินเขาเทียนนีในใจกลางเมืองทามด๋าว ด้วยตำแหน่งที่ดีทำให้สามารถมองเห็นโบสถ์อันสง่างามและโอ่อ่านี้ได้จากทุกที่ในเมือง สร้างขึ้นในปี 1906 เป็นบ้านไม้ค้ำยันขนาดเล็ก และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1937 โดยใช้หินแบบโกธิก อาคารหลังนี้ยังคงรักษาความสวยงามอันน่าทึ่งไว้ได้ตลอดมา อากาศเย็นสบายและมีเมฆมากในพื้นที่ภูเขาทำให้ผนังหินมีชั้นมอสสีเทา ขณะที่โครงสร้างหินทำให้โบสถ์ดูโบราณยิ่งขึ้น
จากนั้นเดินชม จตุรัสตามด๋าว จตุรัสกลางเมืองที่มีการออกแบบที่น่าดึงดูดใจเป็นวงกลมที่โอบล้อมไปด้วยบันไดหินเรียงเป็นชั้นๆ ถือเป็นจุดเช็คอินที่สมบูรณ์แบบ และเป็นสวนสาธารณะที่ทุกคนต่างมาเดินพักผ่อนหย่อนใจ เมื่อพระอาทิตย์ตกจตุรัสแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยแผงขายของท้องถิ่น ที่ระลึกมากมาย

รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 10)

เดินทางสู่กลับสู่กรุงฮานอย (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) โดยระหว่างทางแวะให้ท่านเลือกซื้อของฝาก ช้อปปิ้งสินค้าร้านผ้าไหม

แจกขนมปังบั๋นหมี่ (Bánh mì) ท่านล่ะ 1ชิ้น

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาตินอยไบ เพื่อนำคณะเช็คอินเดินทางกลับประเทศไทย

ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) โดยสายการบิน Thai Airway (TG) เที่ยวบินที่ TG 565 BKK-HAN 20:25-22:15 ** มีอาหารบนเครื่อง , สัมภาระโหลดใต้เครื่องไม่เกิน 23 ก.ก./ ท่าน/ 1ใบ และสำภาระถือขึ้นเครื่อง ไม่เกิน 7ก.ก.**

เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ